วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

วัฏฏะ 3

วัฏฏะ 3 อันได้แก่ กัมมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ และกิเลสวัฎฏ์
กัมมวัฏฏ์ ได้แก่กรรม การกระทำ ที่ทำให้เกิดวิปากวัฏฏ์ หรือวิบาก ผลของกรรม และทำให้เกิดกิเลสวัฏฏ์ คือ ทำให้เราเกิดกิเลส
วัฏฏะสามนี้เกิดวนเวียนอยู่ภายในจิตใจเรานี่เอง และเป็นสิ่งที่ออกมาทำให้ชีวิตเราวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์นี้ เราทำกรรม ก็ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น และผลของกรรมหรือที่เรียกว่าวิบาก ก็ส่งผลให้เรามีกิเลส เพราะความพอใจ ไม่พอใจในวิบากนั้นๆ อย่างไม่รู้ เพราะขาดสติสัมปชัญญะ เราจึงโดนกิเลสครอบงำ จนทำให้เราก่อกรรมขึ้นอีก ทางกาย วาจา ใจ วนเวียนเช่นนี้ จนไม่สามารถหลุดออกจากสังสารวัฏฏ์นี้ได้
ถ้าเราศึกษาศาสนา สิ่งแรกที่เราได้เรียนรู้ก็คือ กฎของกรรม นั่นคือ เราทำสิ่งใดเราย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ที่เรียกว่า วิบาก ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม ผลย่อมออกมาเที่ยงธรรมเสมอ แม้ว่าบางอย่างที่เราไม่สามารถมองย้อนไปในอดีต หรือพูดง่ายๆ ว่าเราจำไม่ได้นั่นเอง เราก็จะไม่ทราบว่าเราได้ทำอะไรมาบ้าง ทำไม เราจึงได้รับผลเช่นนี้ แต่ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ ระลึกรู้ไปเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ชัดเองว่า การกระทำบางอย่างของเรานั้น เรายังทำอะไรซ้ำๆ อย่างเคยชิน เรายังคิดอะไรเหมือนๆ เดิม จนกลายเป็นทิฏฐิที่ฝังแน่น ทำไปโดยอัตโนมัติก็ว่าได้ นั่นเเหละ เป็นเพราะเราทำกรรมเช่นนั้นมาจนเคยชิน แต่ถ้าเรามาเจริญสติสัมปชัญญะ ระลึกรู้กายใจ เราจะเห็นการกระทำของตัวเองชัดเจนขึ้น
เมื่อเราทำกรรมดีแล้ว ผลออกมาดี เป็นวิบากดี เราก็พอใจ เมื่อเราทำกรรมชั่ว ผลก็ออกมา เป็นวิบากที่เลวร้าย เราก็จมอยู่ในความไม่พอใจ ทั้งสองทาง ก่อให้เกิด ความพอใจ ไม่พอใจ เป็นอภิชฌาและโทมนัส ก่อให้เรามีกิเลสครั้งต่อไปอีกอย่างสืบเนื่อง เพราะความรู้ไม่เท่าทัน เพราะความไม่มีสติสัมปชัญญะ รู้ทันความพอใจ ไม่พอใจนั้น เราจึงทำตามกิเลสต่อไปอีก เพราะขาดสติสัมปชัญญะ สังสารวัฏฏ์จึงวนเวียนอยู่เช่นนี้ตลอดไป
แต่ปัญญานั้น ไม่ใช่สัญญาและสังขาร คือ ปัญญาในทางธรรมนั้น ไม่ใช่การจดจำได้และเรียบเรียงได้ แต่ปัญญาคือการเกิดความรู้ขึ้นในฉับพลัน ชนิดที่เมื่อเห็นแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียบเรียงเป็นคำพูดให้เข้าใจได้ แต่เจ้าตัวจะเข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องอาศัยมิติใดๆ แต่ถ้าต้องการจะสื่อให้ผู้อื่นทราบ เราต้องพยายามระลึกถึงสภาวธรรมนั้นๆ แล้ว นำมาจัดเป็นคำพูด เป็นสมมุติบัญญัติเพื่อความเข้าใจ ฉะนั้น ตอนปัญญาเกิดนั้น มันไม่เป็นคำพูด เป็นแต่สภาวะรู้ขึ้นมาเฉยๆ ด้วยเหตุปัจจัยแห่งสมาธิ ความสงบ ตั้งมั่นของจิต ที่เราระลึกรู้กายใจ อยู่อย่างธรรมดาๆ ในปัจจุบันเท่านั้น
ครูบาอาจารย์หรือผู้รู้บางท่าน ไม่ค่อยเทศน์หรือไม่ชอบอธิบายธรรม เพราะท่านเห็นถึงภาระ (ที่ต้องปรุงแต่งขึ้นมาอีกให้เป็นคำพูด) และการเข้าใจของผู้คนโดยทั่วไปที่ไม่ได้เห็นสภาวะนั้นๆ ด้วยตนเอง ย่อมจะต้องใช้สัญญาสังขาร ในการเข้าใจ รับรู้ และปรุงแต่งเอง ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ เพราะเราอาศัยขันธ์ห้า ตัวที่เป็นสัญญา สังขาร ของตนเองเป็นผู้ตีความ ซึ่งสัญญาและสังขารในขันธ์ห้านั้นเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้จริง ครูบาอาจารย์ท่านจึงว่า สัทธรรมที่เกิดในปุถุชนล้วนเป็นสัทธรรมปฏิรูป คือผิดเพี้ยนไปจากความจริงได้ ท่านพูดตรงๆ สอนเราตรงๆ แล้ว แต่เราอาจจะตีความผิด เข้าใจผิดเพี้ยนไปได้ ต้องพึงระวังไว้
เราเองอยู่ในขั้นศึกษา และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน จึงต้องฟังหูไว้หู และเงี่ยฟังผู้ที่ท่านถึงธรรมแล้ว ซึ่งเป็นผู้ที่เราควรสดับพระธรรมจากท่าน ข้อเขียนและข้อความใดๆ ของสติมา เป็นบันทึกความเข้าใจของผู้หนึ่งที่กำลังศึกษา เป็นผู้เดินทางไปเพื่อข้ามโอฆะนี้ เช่นพวกเราทั้งหลาย เพื่อให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในสังคมโลกนี้ เรายังมีสังคมของผู้ที่ศึกษาปฏิบัติ ที่เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน และมีธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้แสดงแล้ว มีครูบาอาจารย์ที่ท่านถึงธรรมแล้ว ได้เป็นผู้นำแนวทางพวกเราให้เดินตามในทางที่ถูกที่ควรแล้ว
ที่มา: http://dungtrin.com/

3 ความคิดเห็น:

  1. การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์
    คอมพิวเตอร์เมื่อใช้ไประยะหนึ่งจะมีการเสื่อมชำรุดไปตามสภาพระยะเวลาที่ใช้งานผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรเอาใจใส่ดูแลและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
    สม่ำเสมอเพื่อเพิ่มอายุ การใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งจะช่วยให้สามารถ ประหยัดงบประมาณในการซ่อมบำรุงหรือการเปลี่ยนอุปกรณ์
    สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่คอมพิวเตอร์ของคุณจะทำงานได้ดีนั้นคืออย่างไร เช่น ในห้องคอมพิวเตอร์ของคุณควรจะมีอุณหภูมิสูงเท่าไรมีความชื้นไม่เกินเท่าไร ขีดจำกัดของการทำงานเป็นอย่างไรระยะเวลาในการทำงานของเครื่องเป็นอย่างไรดังนั้นห้องทำงานด้านคอมพิวเตอร์จึงควรเป็นห้องปรับอากาศที่ปราศจากฝุ่นและความชื้น ซอฟแวร์แผ่นดิสก์ที่เก็บซอฟแวร์และไฟล์ข้อมูล หรือสารสนเทศนั้นอาจเสียหายได้ ถ้าหากว่าแผ่นดิสต์ได้รับการขีดข่วนได้รับความร้อนสูงหรือตกกระทบกระแทกแรงๆ สิ่งที่ทำลายซอฟแวร์ได้แก่ ความร้อน ความชื้น ฝุ่น ควัน และการฉีดสเปรย์พวกน้ำยาหรือน้ำหอม ต่าง ๆ เป็นต้น การทำความสะอาดระบบคอมพิวเตอร์
    1. ไม่ควรทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะที่เครื่องยังเปิดอยู่ ถ้าคุณจะทำความ สะอาดเครื่อง ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทำความสะอาด
    2. อย่าใช้ผ้าเปียก ผ้าชุ่มน้ำ เช็ดคอมพิวเตอร์อย่างเด็ดขาด ใช้ผ้าแห้งดีกว่า
    3. อย่าใช้สบู่ น้ำยาทำความสะอาดใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้ระบบของเครื่อง เกิดความเสียหาย
    4. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
    5. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ
    6. ถ้าคุณจำเป็นต้องทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรดใช้อุปกรณ์ทำความสะอาด ที่คู่มือแนะนำไว้เท่านั้น
    7. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์
    8. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

    ตอบลบ
  2. ประวัติวาเลนไทน์
    วันวาเลนไทน์ มาจากชื่อของนักบุญวาเลนไทน์ (St.Valentine) ผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ใน สมัยกษัตริย์ Claudiusที่ 2 แห่งกรุงโรม ในสมัยนั้นกษัตริย์ Claudius ออกกฎห้าม ให้มีการแต่งงานในเมืองของพระองค์ เพราะกษัตริย์ทรงต้องการทำศึกสงครามทรง ต้องการให้ผู้ชายทุกคนไปเป็นทหาร พระองค์เชื่อว่าถ้าไม่มีการแต่งงานผู้ชายจะสน ใจกับการรบมากขึ้น
    นักบุญวาเลนไทน์ขัดบทบัญญัติแห่งกฎหมายของกษัตริย์ ด้วยการเป็นบาทหลวง ในพิธีแต่งงานให้หนุ่มสาวที่ต้องการแต่งงานอย่างลับ ๆ และแล้ววันหนึ่งข่าวการทำ พิธีสมรสของนักบุญวาเลนไทน์ก็รู้ถึงหูของพระเจ้าClaudius พระองค์จึงทรงสั่งทหาร ไปจับเขาไปประหารชีวิต
    ระหว่างอยู่ในคุกมีคู่แต่งงานที่ท่านเคยทำพิธีให้หลายคู่ลอบไปเยี่ยมเยียนท่าน อย่างสม่ำเสมอ และที่นั่นท่านยังได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้คุม เธอมักมาพูดคุยกับท่าน และบอกท่านเสมอ ๆ ว่า การกระทำของท่านถูกต้องแล้ว นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในปี 296 A.D. ในคุกแห่งนั้น เอง ก่อนตายท่านได้ฝากโน๊ตสั้น ๆ ถึงเพื่อนของท่าน และลงท้ายว่า "Love from your Valentine
    ในปี 496 A.D.โป๊ปGelasiusได้ยกย่องให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นวันวาเลนไทน์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงคุณความดี ความกล้าหาญ และความเสียสละของนักบุญ วาเลนไทน์ เราจึงมักถือเอาวันนี้เป็นวันแห่งความรัก ในระยะต่อมาวันวาเลนไทน์ ใช้แทนความรักของหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ โดยในวันนี้จะมีการส่งขนม (โดยเฉพาะ ช็อคโกแลต) ดอกไม้(ส่วนใหญ่จะดอกกุหลาบ) ให้กับคนที่รัก

    ตอบลบ

เชิญแสดงความคิดเห็น